
สนามบินสุราษฎร์เย็นวันนั้น คลาคล่ำด้วยผู้โดยสาร
ไทยค่อนข้างจะมาก เทศมีให้เห็นไม่น้อย
หลังจากจัดแจงเรื่องตั๋วเรื่องที่นั่งแล้วผมหามุมสงบในห้องพักผู้โดยสาร อ่านชีวิต คุณทักษิณ ชินวัตร
ตาดูดาว เท้าติดดิน
เห็นตั้งขายอยู่ที่ร้านค้า อดไม่ได้จะทำความรู้จักลึกซึ้งกับคนๆนี้สักที
และขณะที่กำลังติดตามชีวิตวัยเด็กของคุณทักษิณเพลินอยู่ ไม่ทันสังเกตว่ามีผู้โดยสารคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้างๆ
จนกระทั่งเสียงของเธอดังกระทบโสตหูอยู่นาน สมาธิผมจึงแตก
น้ำเสียงที่พูดเต็มไปด้วยความแจ่มใส ส่ออารมณ์ดีอยู่เนืองนิตย์
เห็นได้จากเสียงหัวเราะที่แทรกอยู่เป็นระยะ
เหมือนกับเม็ดน้ำตาลโรยอยู่บนผิวขนม
ตอนแรกก็คิดว่าเธอกำลังพูดคุยกับเพื่อนที่มาด้วยกัน
แต่พอหันไปทางที่มาของเสียง ก็ให้นึกเอ็นดู
เพราะเป็นเสียงคุณแม่สาวคุยกับลูกสาววัยเพิ่งเดินได้
แค่มานั่งได้ไม่นาน หนูน้อยก็เริ่มให้ความเป็นกันเองกับทุกคน
เห็นเด็กหญิงตัวอ้วนยืนดูดน้ำหวานอยู่ แกก็รี่เข้าไปยืนจังก้า
ตามองไปที่น้ำหวานที ที่ใบหน้าเจ้าของที
จะขอน้ำหวานพี่เขาใช่ไหม?... แม่หัวเราะด้วยความเอ็นดู
ของเราก็มีนี่นา มานี่ อยู่นี่ไง... พูดไปหัวเราะชอบใจไปแล้วก็คว้าแขนลูกสาวจูงมานั่ง
พี่เขาไม่รู้จักเรานี่นา จะให้เขาแบ่งน้ำหวานให้ได้ยังไง... แม่กระเซ้า ขณะที่ลูกสาวส่งเสียงไม่เป็นภาษาตอบ
เอาอีกแล้ว อย่าไปซนกระเป๋าคุณอา... เสียงแม่พูดอย่างอารมณ์ดี น้ำเสียงบอกความเกรงใจ เมื่อลูกสาวตัวน้อยมาดึงกระเป๋าเดินทางผมเล่น
มานี่ กระเป๋าเราก็มี เที่ยวตู่กระเป๋าคนอื่นอีกแล้ว... แม่หัวเราะชอบใจ ลูกจ้องหน้าผมตาแป๋ว
ผมลูบหัวหนูน้อยด้วยความเอ็นดู เป็นเชิงอนุญาตให้เล่นกระเป๋าเดินทางผมได้
และก่อนที่จะหันมาสนใจหนังสือต่อ กระเป๋าเดินทางของผมก็ตกจากม้านั่ง เสียงดังจนหนูน้อยตกใจ
บอกแล้วไม่เชื่อ ตกใจหมดเลยใช่ไหม... ไม่เอา มานี่เดี๋ยวกระเป๋าคุณอาก็เสียหมด มานี่ กระเป๋าเราก็มี เอาไปเล่นเลย คุณแม่ทักท้วง
หนูน้อยทำท่าเบื่อ เพราะกระเป๋าก็คงใบเดิม แต่ก็ยอมนิ่งอยู่กับที่...เพียงแค่เดี๋ยวเดียว
ตายแล้ว...ไปขอขนมฝรั่งอีกแล้ว คุณแม่รีบเลิกคุยโทรศัพท์มือถือ เดินรี่ไปที่นั่งด้านหลัง
หนูน้อยกำลังยืนจ้องหน้าฝรั่งท่องเที่ยว แล้วก็ก้มไปมองขนมที่วางบนตัก
เซย์ภาษาเขาได้หรือยังไง จึงได้ไปขอขนมเขากิน... เสียงหัวเราะ ขณะที่อุ้มหนูน้อยกลับมาที่
พูดภาษาไทยยังไม่ได้เลย ริจะไปพูดฝรั่งขอขนมเขากิน...ไม่อายบ้างหรือไง แม่พูดเย้าแหย่ เชิงตัดพ้อ
หนูน้อยคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นเดิม
ผมคิดขณะเดินผ่านสนามไปยังเครื่องบินที่จอดรออยู่ว่าเด็กน้อยคนนี้ช่างโชคดี
มีแม่ที่อารมณ์ดี พูดจานิ่มนวล เย้าแหย่เป็นเพื่อน...
ไม่น่าล่ะ หนูน้อยจึงได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
แกคงจะเติบโตเป็นธรรมชาติ ด้วยความสุข ความมั่นใจกล้าคิด กล้าทำ...
เพราะแม่ให้ทั้งความเป็นแม่และความเป็นเพื่อน
ผิดกับหลายคนที่เติบโตมาจากความดุดัน ห้ามโน่นห้ามนี่ เอ็ดตะโรร้องเรียก... ลงไม้ลงมือ
คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่ส่งความปรารถนาให้เด็กทุกคน...ได้โชคดีแบบหนูน้อยคนนี้บ้าง •