
นานแล้วที่ผมไม่ได้พูดคุยกับท่านผู้อ่าน
ก็อย่างที่ทางบ.ก.ชี้แจงไปนั่นแหละครับภารกิจช่วงหน้าร้อนที่ต้องเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาทำให้ผมต้องห่างเหินท่านผู้อ่านไปเสียนาน
กระนั้นก็ดีแม้จะไม่ได้พูดคุยทุกเจ็ดวันอย่างที่เคยทำ
แต่ก็มีความสำนึกในพันธะที่มีต่อท่านผู้อ่านอยู่เสมอ
ไปไหนมาไหน พบเห็นสิ่งใด ก็จะเก็บความคิด ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจไว้เพื่อมาพูดคุยกับท่านผู้อ่าน
พันธะดังกล่าวได้รับการย้ำเตือนจากท่านผู้อ่านหลายท่านที่ได้พบปะพูดคุย
"ไม่ได้คุยเจ็ดวันหนมานานแล้วนะ"
"หายหน้าหายตาไปนานจังคราวนี้เมื่อไรจะเริ่มคุยเสียที"
"แฟนๆ ถามหาแล้วนะน่าจะคุยได้แล้ว"
และอื่นๆเหล่านี้ ซึ่งล้วนแต่ตอกย้ำซ้ำเตือนถึงพันธะที่มีต่อท่านผู้อ่าน
คุยกันครั้งนี้ คงไม่พ้นเรื่องร้อนๆที่สร้างความสนใจให้แก่คนหลายระดับ
ก็เรื่องของ "ทามากอตชี" หรือ "ทามาก๊อต" ซึ่งผมขอเรียกว่า "สัตว์เลี้ยงคอมพิวเตอร์"
หลายท่านคงทราบว่าเป็นอะไร และหลายท่านคงยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ
มันเป็นเกมส์ชนิดหนึ่งที่เด็กๆมีสตางค์ชอบเล่นกันมาก
"ทามาก๊อต" เป็นรูปกราฟฟิก พร้อมปุ่มบังคับ อาจจะเป็นรูปไก่ สุนัข ไดโนเสาร์...ที่เจ้าของต้องเลี้ยงดูเอาใจใส่ดูแลความสะอาดตรวจตราสุขภาพ
และต้องทำด้วยความจริงจัง ทันเวลา...มิเช่นนั้นมันจะล้มป่วยและตายไปในที่สุด
เกมส์คอมพิวเตอร์ที่เคยเล่นกันนั้นมันเป็นเรื่องของการต่อสู้ทั้งในชั้นเชิง ความสามารถและความรวดเร็ว เพื่อเอาชนะ เพื่อได้คะแนนสะสม
ทำอย่างไรก็ได้...ทำลาย เข่นฆ่า...เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามพินาศไป
แต่ "ทามาก๊อต" ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มันอยู่รอดปลอดภัยมีชีวิตนานที่สุดที่จะนานได้
สิ่งนี้ทำให้เกิดความผูกพันด้านความรู้สึกระหว่างผู้เล่นกับเครื่องเล่น
มีความสุขเมื่อเลี้ยงมันถูกต้องเสียใจเมื่อมันล้มป่วยโศกเศร้าเมื่อมันตาย
จึงไม่แปลกใจที่เกมส์นี้ส่งผลกระทบไปหมดแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะหากผู้เล่นยังอ่อนเยาว์
ความสนใจ สมาธิ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น...ต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย
เด็กบางคนจริงจังมากถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ยอมไปเรียน ไม่ยอมทำการบ้าน ไม่ยอมไปไหน ไม่ยอมพูดคุยกับใคร...
เพื่อนผมที่บริหารโรงเรียนอยู่ที่ฮ่องกงบอกว่า เด็กหลายคนไม่ยอมเข้าห้องสอบ เพราะ ?ทามาก๊อต? ไม่สบาย!
หากรูปการณ์ยังคงเป็นต่อไปเช่นนี้ ผมอดกังวลไม่ได้
ก่อนนี้ เมื่อคนเรายังมีจิตใจต่อกัน ก็ยังคบหาคนด้วยกัน
เมื่อคนมีน้ำจิตน้ำใจต่อกันน้อยลง คนก็หันไปคบหากับสัตว์เลี้ยง...สัตว์มันเลี้ยงเชื่องแต่คนเลี้ยงเท่าไรไม่มีวันเชื่อง...อย่างที่มักจะพูดๆกัน
พอจิตใจคนถูกแทนด้วยวัตถุนิยมและบริโภคนิยม คนก็หมกมุ่นกับแต่สิ่งของ
จากคน จากสัตว์เลี้ยง ก็หันมาเลี้ยงวัตถุสิ่งของแทน... "ทามาก๊อต"
เราท่านย่อมทราบกันดีว่าคนเราลองเสวนากับวัตถุสิ่งของแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าเลือกให้ความสำคัญแก่ "ทามาก๊อต" อย่างไร ก็จะทำและปฏิบัติกับคนอย่างนั้นด้วย
ทุกวันนี้ ในบางเรื่อง คนปฏิบัติต่อคนราวกับวัตถุสิ่งของอยู่แล้ว
"ทามาก๊อต" จะไม่ทำให้คนเผลอไปปฏิบัติต่อคนด้วยกันเยี่ยงวัตถุสิ่งของในทุกเรื่องเลยหรือ?
ผมอดหนักใจแทนคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ไม่ได้ แต่ท่านต้องเลือกเสียแล้วล่ะครับ
ว่าท่านอยากให้ลูกๆของท่านปฏิบัติต่อคนด้วยกันอย่างไร?