
ดูนักการเมืองบ้านเราแล้วเหนื่อยใจ
วันหนึ่งๆ เอาแต่รักษาผลประโยชน์ส่วนตัว จนแทบจะไม่ได้สนใจผลประโยชน์บ้านเมือง
นอกจากจะขยันจัดมวยแล้วยังชอบจัดฉากเล่นปาหี่ให้ประชาชนดูจนนักแสดงอาชีพยังต้องอาย
ทุกคนออกมาอ้างว่าทำอะไรก็แคร์ความคิดเห็นและความรู้สึกของประชาชน
จะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก็เพราะถือความคิดเห็นของประชาชนเป็นที่ตั้ง แล้วจู่ๆก็เข้ามาร่วมรัฐบาลใหม่ พร้อมกับยืนยันว่าทำไปตามเสียงของประชาชน
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้จะเอาเป็นเอาตาย คำก็ถอน สองคำก็ไม่ยอมอยู่ต่อ
ทำให้ประชาชนแบบตาสีตาสาอดฉงนไม่ได้ว่าที่ว่าความคิดเห็นและเสียงของประชาชนนั่นน่ะประชาชนคนไหนกันแน่
ให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งก็ดูจะหวาดๆ พูดไปเดินไป ตอบคำถามไม่เต็มปากเต็มคำ
พอตีพิมพ์ข่าวคราวออกมา ก็รีบตอบโต้ แก้ตัวพัลวัน หาว่าผู้สื่อข่าวชอบเขียนเสี้ยมเขาให้ชนกัน
ผู้สื่อข่าวทั้งหลายเลยได้ใจ แล้วก็เขียนข่าวกันอย่างไม่เกรงกลัว
เอาไปเอามา หนังสือพิมพ์จะเป็นตัวชี้นำการเมืองบ้านเราเสียเอง
นักการเมืองก็ได้แต่เปลี่ยนสีไปมาตามข่าวรายวันที่จะตีพิมพ์ออกมา ปากก็บอกว่าไม่กลัวนักข่าว แต่อดจะแสดงความหวาดหวั่นออกมาให้เห็นไม่ได้
ก็หนังสือพิมพ์บ้านเรากับจรรยาบรรณมักจะเดินสวนทางกันบ่อยๆ เขียนคนขาวให้เป็นดำเขียนคนดำให้เป็นขาวได้ทุกเวลาและทุกสถานการณ์
แถมเป็นประเภทบ้าจี้ ตีพิมพ์ข่าวใดก็รุมทึ้งกันแบบปล่อยไม่กัด เสนอข่าวละเอียดยิบทุกแง่ทุกมุม ลงหน้าหนึ่งไปเรื่อยจนขายข่าวไม่ออกนั่นแหละจึงหยุดและหันไปขุดคุ้ยข่าวใหม่
เที่ยวสร้างความหวาดผวาเสนอทั้งข่าวเสนอทั้งรูปโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมหรือความรู้สึกของคนอ่าน
พอขายข่าวได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งเรื่องราวไปอย่างไม่ใยดี ไม่คิดจะติดตามจนกระทั่งมีทางออกทางแก้ที่เป็นเรื่องเป็นราว ให้เห็นว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมตามจรรยาบรรณบ้าง
บางปัญหาที่ขุดคุ้ยขึ้นมาเผยให้เห็นความเละเทะของสังคมพอตีพิมพ์ได้ครั้งสองครั้งก็หายไปเฉยๆคล้ายจะแพ้อะไรสักอย่างปล่อยให้คนฉงนอีกตามเคยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรืองสร้าง
ลงข่าวอะไรก็เจาะประเดนอยู่ด้านเดียว ราวกับว่าทั้งประเทศเป็นไปกันหมด ทั้งๆที่มีด้านอื่นที่ช่วยให้เห็นภาพรวมที่เป็นจริงกลับไม่เอ่ย
ยิ่งถ้าเขียนใส่อารมณ์เข้าไปด้วย ก็ยิ่งจะละเลงสีสรรจนผิดเพี้ยนไปหมด
คนอ่านก็พลอยบ้าจี้ร่วมอารมณ์ไปด้วย ขาดสติ ไม่รู้จักวิเคราะห์ ไม่เหลือความเป็นตนของตนเอง
อยู่ดี ๆ ก็พลอยเกลียดชังคนนั้นคนนี้ไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพบเคยเห็นหรือมีอะไรกัน
แล้วคนส่วนมากก็ยอมให้หนังสือพิมพ์จูงจมูกไปวันแล้ววันเล่าแบบไม่รู้ตัวตน
ตั้งแต่ตาสีตาสาไปจงถึงนักการเมืองทุกระดับก็ว่าได้
วันสื่อมวลชนปีนี้ คงไม่คุยกันเรื่องของสื่อ แต่อยากจะคุยกันเรื่องคนทำสื่อมากกว่า
เพราะโดยตัวมันเอง สื่อมวลชนเป็นสิ่งที่ดีมีคุณค่า แต่เจตนาคนทำอาจจะทำให้สื่อกลายเป็นดาบสองคม สร้างความเสียหายร้ายแรงโดยที่คนบริโภคแทบจะไม่ได้รู้ตัว
มันเป็นพลังทำลายที่ร้ายกาจในรูปแบบของตัวอักษรและรูปภาพที่ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัย
การทำลายแบบนี้สิที่มีประสิทธิ์ภาพสูง เพราะคนไม่คิดจะป้องกันตัว
การจู่โจมที่มีการตั้งป้อมสู้ย่อมมีประสิทธิภาพของการทำลายได้น้อยกว่าการจู่โจมที่ไม่มีการตั้งรับ
เผลอๆ นอกจากไม่เห็นว่าเป็นการจู่โจมแล้ว ยังเห็นเป็นสิ่งเอื้ออำนวยชีวิตไปอีก แบบเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่างไรอย่างนั้น
สิ่งหนึ่งที่น่าจะมาตั้งความสำนึกร่วมกันในวันสื่อมวลชนคือ ในเมื่อพึ่งจรรยาบรรณของคนทำสื่อไม่ได้ ก็คงต้องสร้างจรรยาบรรณผู้บริโภคสื่อขึ้นมาเสียแล้วล่ะ
บริโภคสื่อมวลชนแต่ละครั้งจะได้รับประโยชน์มากกว่าโทษ
หรืออย่างน้อยๆ ก็อย่าให้สื่อมวลชนทำลายมากไปกว่าที่กำลังทำกันอยู่ในสังคมทุกวันนี้ •